All Things Are Nothing to Me โดย Max Stirner
All Things Are Nothing to Me เป็นชื่อบทนำ (introduction) ในหนังสือ The Ego and His Own หรือในภาษาเยอรมันชื่อว่า Der Einzige und sein Eigentum เขียนโดย Mas Stirner ในปี 1844 ซึ่งจริงๆในหนังสือพิมพ์ครั้งแรกจะเขียนว่าปี 1845 แต่มันออกมาถึงมือคนอ่านตั้งแต่ช่วงปลายปี 1844 แล้ว
ฉบับที่ผมจะใช้แปลเป็นไทยคือฉบับภาษาอังกฤษ แปลโดย Steven T. Byington พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษครั้งแรกในปี 1907 ผมคิดว่าน่าจะมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษแค่เวอร์ชั่นเดียวนะ คิดว่าอย่างนั้น
ใน website maipatana.me นี้จะเห็นว่าข้างล่างมีเขียนว่า All Things Are Nothing to Me ผมก็เอามาจากในหนังสือนี้แหละ ส่วน Max Stirner ก็เอามาจากบทกลอนของ Goethe อีกที (555)
ในบทกลองที่ชื่อ Vanitas! Vanitatum Vanitas! (อยากฟังเป็นเพลงคลิก ที่นี่ ) ท่อนแรกเค้าบอกว่า "Ich hab' Mein' Sach' auf Nichts gestellt" แปลว่า "I have set my affair on nothing." หรือ "ไม่มีสิ่งใดที่ฉันมุ่งมั่นตั้งใจ" แปลเป็นไทยแล้วแปลกๆอะ 555
แต่เอาเถอะ ผมขอเริ่มแปลบทนำสั้นๆนี้เลยละกันนะครับ
All Things Are Nothing to Me
ทุกๆอย่างไม่มีความหมายต่อผม
อะไรที่ไม่ควรเป็นเรื่องที่ฉันต้องกังวล! อย่างแรกเลย, เรื่องของความดี เรื่องของพระเจ้า เรื่องของมนุษยชาติ ของความจริงแท้ ของอิสรภาพ ของมนุษยธรรม ของความยุติธรรม; ต่อมา, เรื่องของประชาชนของฉัน เชื้อพระวงศ์ของฉัน บ้านเกิดของฉัน; สุดท้าย, แม้แต่เรื่องของจิตวิญญาณ และเรื่องอีกเป็นพันพันเรื่อง เพราะเรื่อง ของฉัน เท่านั้นที่ไม่เคยเป็นเรื่องที่ฉันได้กังวลเลย "น่าไม่อายพวกอัตตาสูง พวกที่ชอบคิดถึงแต่ตัวเอง!"
เรามาค่อยๆลองมองดูกัน วิธีที่พวกเขาจัดการกับความกังวล ของพวกเขา - พวกเขาคือเจ้าของเรื่องที่เป็นภาระต่อเรา เราทุ่มเทตัวเรา และที่เราให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
คุณมีข้อมูลอย่างมากมายเพื่อพระเจ้า และใช้เวลานับพันพันปี "ค้นหาลงไปในความคิดของพระเจ้า" และมองเข้าไปในหัวใจของมัน เพื่อที่คุณจะสามารถบอกเราอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัยว่าพระเจ้าจัดการกับ "เรื่องของพระเจ้า" อย่างไร เรื่องที่เราทุกคนถูกเรียกไปปรนนิบัติรับใช้ และคุณไม่เก็บซ่อนสิ่งที่พระเจ้าทำเช่นกัน เอาละ อะไรคือเรื่องของเขา? เขาเคยเรียกร้องจากเราเรื่องที่ขัดกับความจริงแท้และความรัก ขัดแย้งกับเรื่องของเขาบ้างไหม? คุณตะลึงด้วยความเข้าใจผิดนี้ และคุณยังจะบอกเราว่าเรื่องของพระเจ้านั้น แน่นอน เป็นเรื่องของความจริงแท้และความรัก แต่เรื่องเหล่านี้ไม่สามารถเรียกว่าเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกับตัวเขา เพราะตัวพระเจ้าเองคือความจริงแท้และความรัก; คุณตะลึงด้วยข้อสันนิษฐานที่ว่าพระเจ้าสามารถเป็นเหมือนเรา หนอนอ่อนปวกเปียกที่น่าสงสารในเรื่องที่ขัดแย้งที่ดำเนินต่อไปของตัวเขาเอง "พระเจ้าควรมาร่วมรับผิดชอบเรื่องของความจริงแท้ถ้าตัวเขาเองไม่ใช่ความจริงแท้?" เขาสนใจเฉพาะเรื่อง ของเขา แต่เพราะเขาคือทุกอย่าง (all in all) ฉะนั้นทุกอย่างคือเรื่อง ของเขา! แต่เรา เราไม่ได้เป็นทุกอย่าง และเรื่องของเรารวมกันแล้วก็ช่างเล็กน้อยและน่ารังเกียจ; ฉะนั้น เราจะต้อง "ปรนนิบัติรับใช้เรื่องที่สูงกว่า" - ตอนนี้มันชัดเจนแล้ว พระเจ้าสนใจเฉพาะอะไรที่เป็นเรื่องของเขา ยุ่งวุ่นวายแต่กับเรื่องของตัวเอง คิดถึงแต่ตัวเอง และมีแค่ตัวเองในสายตาตัวเอง; ความฉิบหายจงอยู่กับทุกคนที่ไม่ปรนนิบัติให้เขาพอใจ! เขาไม่ปรนนิบัติรับใช้ใครที่เหนือกว่า และเขาสร้างความพอใจให้แก่ตัวเขาเองเท่านั้น เรื่องของเขาคือ - เรื่องที่มีความเป็นอัตตาอย่างบริสุทธิ์
มันเป็นอย่างไรสำหรับมนุษยชาติ ที่พวกเราจะต้องสร้างเรื่องของเราขึ้นมาเอง? มันเป็นเรื่องของกันและกันหรือเปล่า? และมนุษยชาติมีเรื่องที่สูงขึ้นไปอีกหรือเปล่า? ไม่ มนุษยชาติมองแต่ตัวมันเอง มนุษยชาติจะนำเสนอแต่เรื่องที่ตัวมันเองสนใจเท่านั้น เรื่องมนุษยชาติคือเรื่องของตัวมนุษยชาติเอง มันสามารถพัฒนาไปได้ต่อ มันทำให้ชาติและบุคคลต้องเปลืองตัวเองเพื่อรับใช้ตัวมันเอง และเมื่อพวกเขาบรรลุเป้าหมายของมนุษยชาติ มันโยนพวกเขาเข้าไปในกองมูลสัตว์ของการชื่นชมขอบคุณในหน้าประวัติศาสตร์ เรื่องของมนุษยชาติ - ไม่ใช่เรื่องที่มีความเป็นอัตตาอย่างบริสุทธิ์หรอกหรอ?
ผมไม่จำเป็นต้องไล่แสดงให้ดูถึงแต่ละอย่างที่อยากจะโยนเรื่องของมันมาใส่เรา และแสดงว่ามันก็สนใจแต่ตัวมันเอง ไม่ใช่สนใจเรา สนใจเฉพาะสิ่งที่ดีต่อมันเอง ไม่ใช่สิ่งที่ดีของเรา มองไปยังพวกที่เหลือด้วยตัวคุณเอง ความจริงแท้ อิสรภาพ มนุษยธรรม ความยุติธรรม พวกมันปรารถนาอะไรอีกนอกจากเรื่องที่เราต้องไปทุ่มเทตัวเราและไปปรนนิบัติรับใช้พวกมัน?
พวกมันทั้งหมดมีช่วงเวลาที่น่าเลื่อมใสของมัน เวลาที่มันได้รับความจงรักภักดีอย่างแนบแน่น ลองสังเกตชาติที่ถูกปกป้องด้วยเหล่าผู้รักชาติที่ทุ่มเท ผู้รักชาติที่ล้มลงในการต่อสู้ที่ชุ่มเลือดหรือในการต่อสู้กับความหิวและความอยาก; ชาติสนใจอะไรในเรื่องพวกนี้บ้าง? ด้วยกองซากศพของคนเหล่านั้น ชาติก็มาถึง "ความรุ่งเรือง!" บุคคลได้ตายลงไป "เพื่อเรื่องที่ยิ่งใหญ่ของชาติ" และชาติก็ส่งคำขอบคุณตามพวกเขาไป และ - มีกำไรจากการตายของพวกเขา ผมเรียกการกระทำนี้ว่าอัตตานิยม
แต่ลองดูพระมหากษัตริย์ ผู้ที่รักและห่วงใยประชาชนของเขาอย่างเป็นที่สุด สิ่งที่เขาทำเป็นความไม่เห็นแก่ตัวอันบริสุทธิ์ และเขาอุทิศตัวเองเพื่อประชาชนของเขาอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่หรือ? โอ้ ใช่ เพื่อ "ประชาชนของเขา" ลองดูก็ได้; แสดงตัวเองว่าไม่ใช่ประชาชนของเขา แต่ของตัวคุณเอง; คุณจะได้ไปเที่ยวในคุกสำหรับการหลุดออกจากอัตตานิยมของเขา พระมหากษัตริย์ได้มุ่งมั่นเรื่องของเขาไปที่ตัวเขาเท่านั้น ไม่มีเรื่องอื่น; ตัวเขาสำหรับเขาคือทุกอย่าง ตัวเขาสำหรับเขาคือหนึ่งเดียวเท่านั้น และไม่อดทนกับใครทั้งนั้นที่ลองดีไม่เป็น "คนของเขา"
และคุณจะไม่เรียนรู้จากตัวอย่างที่เฉียบแหลมพวกนี้ที่บอกว่าพวกอัตตาสูงมีชีวิตอย่างดีที่สุดเลยหรอ? สำหรับตัวผมเอง ผมได้รับบทเรียน และเป้าหมายจากตัวอย่างพวกนี้ แทนที่จะปรนนิบัติรับใช้พวกอัตตาสูงอย่างไม่เห็นแก่ตัวผมเองต่อไป ผมจะเป็นคนมีอัตตาเสียเอง
พระเจ้าและมนุษยชาติได้กังวลต่อพวกเขาเพียงอย่างเดียว เพียงเท่านั้นไม่มีอย่างอื่นอีกนอกเหนือจากพวกเขา ให้ผมได้กังวลตัวผมเองเพื่อ ตัวเอง ผู้ที่เท่าเทียมกับพระเจ้า ไม่ใช่อะไรนอกเหนือจากนี้ ผู้ที่เป็นทุกอย่างของผม ผู้ที่เป็นหนึ่งเดียวผู้นี้
ถ้าพระเจ้า ถ้ามนุษยชาติ เป็นอย่างที่คุณยืนยัน มีสาระในตัวเองมากพอที่จะเป็นทุกอย่าง ถ้าอย่างนั้นผมรู้สึกว่า ผม ยังขาดอะไรอย่างนั้นอยู่ และผมจะไม่บ่นที่จะเติมเต็มความ "ว่างเปล่า" ผมไม่ใช่ความว่างเปล่าในความหมายของความโล่งความกลวงความไม่มี แต่ผมคือความว่างเปล่าที่มีความคิด ความว่างเปล่าที่มาจากสิ่งที่ตัวผมเองในฐานะผู้สร้าง จะสร้างทุกๆอย่างออกมา
จากกันละกัน จากทุกๆความกังวลที่ไม่ใช่ความกังวลของผม! คุณคิดว่าอย่างน้อย "เรื่องความดี" สมควรจะเป็นเรื่องที่ผมกังวล? อะไรคือความดี อะไรคือความไม่ดี? ทำไม ตัวผมเองคือเรื่องที่ผมกังวล และผมก็ไม่ได้เป็นทั้งดีและไม่ดี ทั้งสองอย่างนั้นไม่มีความหมายสำหรับผม
สิ่งสูงสุดคือความกังวลของพระเจ้า; มนุษย์ ของคน ความกังวลของผมไม่ใช่ทั้งสิ่งสูงสุดและมนุษย์ ไม่ใช่ความเป็นจริง ความดี ยุติธรรม อิสระ และอื่นๆ แต่เฉพาะสิ่งที่เป็น ของฉัน และนี่ก็ไม่ใช่อะไรทั่วๆไป แต่คือ - สิ่งที่หาที่เหมือนไม่ได้ เพราะผมเป็นสิ่งที่หาที่เหมือนไม่ได้
ไม่มีอะไรที่จะมีอะไรมากกว่าตัวผมเอง!
จบละครับ เป็นยังไงบ้าง ผมชอบมากเลยนะ จริงๆก็ไม่รู้ว่ามีใครแปลไทยไปแล้วหรือยัง หนังสือมันเก่ามากเลย จริงๆผมก็แปลไม่ค่อยดีเท่าไหร่ถ้าเทียบกับอารมณ์จากภาษาอังกฤษ แต่ถึงอย่างไรผมก็ไม่ใช่นักแปลอาชีพอยู่แล้ว ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ก็ถือว่าเป็นน้ำจิ้มเพื่อไปหาอ่านตัวภาษาอังกฤษ หรือภาษาเยอรมันดูกันนะครับ